เหตุการณ์ฝนตกหนักในจังหวัดภูเก็ตที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 ได้นำมาซึ่งความเสียหายและความเดือดร้อนแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ของจังหวัด น้ำท่วมขังและน้ำป่าที่ไหลลงมาจากภูเขาทำให้การสัญจรในพื้นที่หลายจุดเป็นอัมพาต รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ บางพื้นที่ยังมีน้ำโคลนไหลลงมาจากเขา ซึ่งสร้างความหวาดหวั่นในหมู่ชาวบ้านที่เคยประสบเหตุการณ์ดินถล่มมาก่อน เหตุการณ์นี้จึงสะท้อนถึงความเปราะบางของภูมิภาคที่ต้องพึ่งพาทั้งการท่องเที่ยวและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในการรับมือกับภัยธรรมชาติ
วันที่ 16 กันยายน 2567 สถานการณ์ในจังหวัดภูเก็ตเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความเดือดร้อนหลังจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ตำบลฉลอง และพื้นที่รอบๆ วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) ที่น้ำท่วมสูงจนทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ความเดือดร้อนนี้ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อประชาชนท้องถิ่น แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวที่ติดค้างในพื้นที่และไม่สามารถเดินทางกลับที่พักได้
นอกจากนี้ น้ำป่าจากเทือกเขานาคเกิดที่เคยเกิดดินโคลนถล่มในเดือนสิงหาคมได้ไหลลงมาปนโคลนสีแดง สร้างความกังวลและทำให้บ้านเรือนในพื้นที่ตำบลกะรนและตำบลราไวย์ได้รับผลกระทบ การจราจรในพื้นที่ต่างๆ เช่น ถนนปฏัก ซอย 8 และถนนอื่นๆ มีความลำบากมากขึ้น และรถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นต้องเข้าช่วยเหลือและเตือนประชาชนให้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยเช่นวัดกะตะ เพื่อป้องกันอันตรายจากดินโคลนที่ไหลลงมา
วิเคราะห์ข่าว
สถานการณ์น้ำท่วมในภูเก็ตครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ฝนตกหนักอย่างไม่คาดคิด การที่ฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มซ้ำในพื้นที่ที่เคยประสบเหตุร้ายก่อนหน้านี้ แสดงถึงความไม่พร้อมของการจัดการน้ำและการเตรียมพร้อมของพื้นที่ภูเขาในภูเก็ต
มาตรการบรรเทาสาธารณภัยที่ดำเนินการในขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง แต่จำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาวเพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมซ้ำๆ และจัดการปัญหาน้ำไหลจากภูเขา โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขาที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของภูเก็ต การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจึงเป็นอีกเรื่องสำคัญ