ข่าวภัยพิบัติในจังหวัดสตูลเป็นสถานการณ์ที่สะท้อนถึงความเปราะบางของพื้นที่ที่เผชิญกับสภาพอากาศรุนแรง ซึ่งรวมถึงน้ำท่วมและพายุคลื่นลมแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายอำเภอ การประกาศให้ 7 อำเภอเป็นพื้นที่ภัยพิบัติโดยผู้ว่าฯ สตูล เป็นการตอบสนองต่อปัญหาที่กระทบต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำและชายฝั่งที่ต้องเผชิญกับคลื่นลมแรงซึ่งทำให้โครงสร้างพื้นฐานเสียหาย เช่น ถนนและทางสัญจรของชาวบ้านที่ถูกคลื่นกัดเซาะจนขาด
ความท้าทายหลักในสถานการณ์นี้คือการบริหารจัดการทรัพยากรในการช่วยเหลือและการฟื้นฟู การที่เจ้าหน้าที่ต้องลุยน้ำเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมสูงแสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างทุ่มเท แม้จะมีข้อจำกัดจากสภาพภูมิศาสตร์และสภาพอากาศ การมอบอาหาร น้ำดื่ม และยาสามัญประจำบ้าน เป็นมาตรการช่วยเหลือในระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
ปัญหาของชุมชนชายฝั่ง เช่นที่ อ.ละงู ที่ถนนถูกคลื่นซัดขาด ทำให้การเดินทางของชาวบ้านเพื่อไปยังท่าเรือเป็นไปอย่างยากลำบาก การที่ถนนถูกซัดพังซ้ำ ๆ โดยไม่มีการแก้ไขอย่างถาวร เป็นปัญหาที่สะท้อนถึงความล่าช้าของการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เสี่ยงภัย การแก้ไขเฉพาะหน้าด้วยการทำทางเบี่ยงอาจเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว แต่จำเป็นต้องมีแผนระยะยาวในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับภัยพิบัติในอนาคต
ในส่วนของการประกาศห้ามเรือออกจากฝั่ง ถือเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันความสูญเสียเพิ่มเติมจากพายุคลื่นลมแรง การประกาศเช่นนี้มีความสำคัญมากในการป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในช่วงที่มีมรสุมและพายุเข้าถล่ม
นายธีระพงษ์ คุ่มเคี่ยม นายอำเภอละงู และนายจำรัส อ่องสาย นายก อบต.ละงู ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเสียหายอย่างเร่งด่วนจากผลกระทบของพายุและน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล การลงพื้นที่ในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อประเมินสถานการณ์และหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะถนนที่ถูกคลื่นซัดจนขาดเป็นระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเดินทางของชาวบ้านในหมู่บ้านที่ต้องใช้เส้นทางนี้ไปยังท่าเทียบเรือประมง
นายธีระพงษ์และนายจำรัสได้เน้นการหาทางออกเบื้องต้นด้วยการทำทางเบี่ยงเพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้งานได้ชั่วคราว พร้อมทั้งรายงานความเสียหายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนฟื้นฟูและซ่อมแซมถาวร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวังสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
โดยสรุป สถานการณ์ในจังหวัดสตูลเป็นตัวอย่างของการรับมือกับภัยพิบัติที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและประชาชนในการเตรียมความพร้อมและให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ขณะเดียวกันก็ต้องมีการวางแผนระยะยาวในการฟื้นฟูและป้องกันการเกิดซ้ำของภัยพิบัติเหล่านี้ในอนาคต