รับทำเว็บ/SEO/Google Ads.พร้อมดูแล Click👉

ชลประทานเชียงใหม่เตือนระดับน้ำปิงสูงเกิน 5 ม. ช่วง 3-5 ทุ่มคืนนี้ เสี่ยงอุทกภัย 7 โซน

63

วันที่ 25 กันยายน 2567 สำนักชลประทานที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ออกประกาศฉบับที่ 6 เตือนระดับน้ำในแม่น้ำปิงที่สถานี P.1 บริเวณสะพานนวรัฐ อำเภอเมืองเชียงใหม่ คาดการณ์ว่าน้ำจะสูงขึ้นระหว่างเวลา 21.00 – 23.00 น. อาจแตะระดับ 4.95 – 5.05 เมตร ซึ่งถือเป็นระดับวิกฤติ โดยการคาดการณ์นี้เกิดขึ้นหลังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับอิทธิพลจากพายุ “ซูลิก” และร่องความกดอากาศต่ำที่ก่อให้เกิดฝนตกหนักทั่วจังหวัดในช่วงวันที่ 21-23 กันยายน 2567

การประกาศเตือนดังกล่าวระบุว่าปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านสะพานนวรัฐอาจสูงถึง 630 – 650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีการเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำและบริเวณเสี่ยงอุทกภัย 7 โซนที่เคยประสบเหตุในปี 2565 ให้เตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งประกอบไปด้วยย่านบ้านป่าพร้าวนอก, ตลาดหนองหอย, ถนนช้างคลาน, กาดหลวง, และเวียงกุมกาม

เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สำนักชลประทานฯ ขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้างริมแม่น้ำเพื่อความมั่นคง พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับคันกั้นน้ำในจุดเสี่ยง และเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อรับมือกับอุทกภัยและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันที

วิเคราะห์
สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเนื่องจากปริมาณน้ำจากพายุ “ซูลิก” เป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ภูมิภาคนี้ต้องเผชิญกับฝนตกหนักและปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในแต่ละปี ระดับน้ำในแม่น้ำปิงที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 5 เมตร เป็นเครื่องยืนยันถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงเขตชุมชนที่ไม่ได้รับการป้องกันอย่างเพียงพอ

การประกาศเตือนในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในโซนเสี่ยงที่เคยประสบภัยน้ำท่วมในอดีต หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจึงควรทำงานร่วมกันในการตรวจสอบโครงสร้างป้องกันน้ำท่วม รวมถึงจัดเตรียมแผนสำรองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน

นอกจากการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐแล้ว ประชาชนในพื้นที่ควรมีการเตรียมตัวในระดับครัวเรือนด้วย เช่น การเก็บกวาดสิ่งของที่สำคัญให้อยู่ในที่ปลอดภัย การติดต่อขอความช่วยเหลือหากจำเป็น และการติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

ในอนาคต จังหวัดเชียงใหม่ควรมีการวางแผนการจัดการน้ำที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อคาดการณ์ปริมาณน้ำที่แม่นยำยิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับชุมชนในการพัฒนาแผนการป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติน้ำท่วม