ประเทศไทย — ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ประเทศไทยจะกลับมาคึกคักอีกครั้งใน “ฤดูกาลเกณฑ์ทหาร” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หนุ่มไทยอายุ 21 ปีต้องเข้ารับการคัดเลือกเพื่อรับราชการทหารตามกฎหมาย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กระบวนการเกณฑ์ทหารเอง คือปรากฏการณ์ “การบนบานศาลกล่าว” ที่กลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย
พ่อแม่หลายคนมักจะไปกราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหวังให้ลูกชายของตน “รอดพ้น” จากการเป็นทหารเกณฑ์ บางคนถึงขั้นจุดธูปบนบานว่า “หากลูกชายไม่ต้องเป็นทหาร จะทำบุญใหญ่หรือถวายของแก้บน” ความเชื่อนี้สะท้อนถึงความกังวลใจและความไม่มั่นใจในระบบเกณฑ์ทหารที่ยังคงมีความไม่โปร่งใสและสร้างภาระให้กับครอบครัว
ทำไมต้อง “บน”?
การบนบานศาลกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความเครียดและความไม่แน่นอนที่ครอบครัวต้องเผชิญ หลายคนมองว่าการเป็นทหารเกณฑ์อาจนำมาซึ่งความเสี่ยง เช่น การฝึกที่หนักหน่วง สภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก หรือโอกาสที่จะถูกส่งไปยังพื้นที่เสี่ยงภัย นอกจากนี้ การเกณฑ์ทหารยังส่งผลกระทบต่อการศึกษาและการทำงานของเยาวชน ซึ่งอาจทำให้พวกเขาเสียโอกาสในการพัฒนาตนเอง
เสียงเรียกร้อง: เลิกเกณฑ์ทหาร แล้วเปลี่ยนเป็นทหารอาชีพ
ในขณะที่หลายคนยังคงยึดมั่นกับระบบทหารเกณฑ์ อีกเสียงหนึ่งเริ่มดังขึ้นในสังคมไทย นั่นคือการเรียกร้องให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและเปลี่ยนไปใช้ระบบทหารอาชีพแทน ผู้สนับสนุนระบบนี้มองว่า หากมีสวัสดิการที่ดีและเงื่อนไขการทำงานที่เหมาะสม การเป็นทหารอาชีพอาจกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่
“ถ้าเราปรับปรุงระบบให้มีความโปร่งใสและยุติธรรม พร้อมเพิ่มสวัสดิการที่ดี เช่น เงินเดือนที่เหมาะสม การศึกษาต่อ และการดูแลหลังเกษียณ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะอยากสมัครเป็นทหารเองโดยไม่ต้องบังคับ” นายกิตติพงษ์ (นามสมมติ) นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าว
อนาคตของการเกณฑ์ทหารในไทย
หากประเทศไทยสามารถปฏิรูประบบทหารได้สำเร็จ เราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของสังคม เช่น พ่อแม่อาจหันไปบนบานขอให้ลูกชายได้เป็นทหารอาชีพแทน เพราะการเป็นทหารอาจกลายเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ประชาชน และกองทัพ เพื่อสร้างระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศและสังคมในยุคปัจจุบัน