ในห้วงเวลาที่ความเครียดและความกดดันในชีวิตประจำวันถาโถมเข้าใส่ การแสดงออกด้วยอารมณ์รุนแรงอาจกลายเป็นดาบสองคมที่ไม่เพียงทำร้ายผู้อื่น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในสังคมไทย โดยเฉพาะในสถานที่ซึ่งควรจะเต็มไปด้วยความสงบและศักดิ์สิทธิ์ของการรักษาอย่างโรงพยาบาล
เมื่อฝ่ามือฟาดลงบนแก้มของพยาบาล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลระยองเมื่อไม่นานมานี้ ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อนายสรรศ์พงศ์ เพชรหนุน อายุ 42 ปี ซึ่งทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ใช้กำลังตบพยาบาลในห้องไอซียู หลังจากที่เจ้าหน้าที่พยายามเตือนภรรยาและลูกของเขาไม่ให้เข้าเยี่ยมยายที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ในห้องควบคุมความเสี่ยง
แม้กฎระเบียบดังกล่าวจะถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ป่วยและลดโอกาสในการแพร่เชื้อ แต่สำหรับนายสรรศ์พงศ์แล้ว การถูกกีดกันจากการเยี่ยมคนที่รักอาจกลายเป็นชนวนสำคัญที่ผลักดันให้เขากระทำการที่ไม่สมควร ส่งผลให้พยาบาลได้รับบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงแก้วหูอักเสบรุนแรง และอาการปวดคอที่ต้องใช้เวลารักษาหลายสัปดาห์
กระบวนการยุติธรรมเริ่มต้นขึ้น
หลังจากคลิปเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ออกไป กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ก็ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายคนแสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมของนายสรรศ์พงศ์ และเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีอย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน สภาการพยาบาลและโรงพยาบาลหลายแห่งก็ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงต่อบุคลากรทางการแพทย์
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายสรรศ์พงศ์ถูกตำรวจควบคุมตัวและส่งฟ้องศาลในข้อหา “ทำร้ายร่างกายบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างปฏิบัติหน้าที่” ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 3 ปี ผู้ต้องหาได้ขอประกันตัวด้วยเงินสดจำนวน 40,000 บาท และศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 มีนาคมนี้
ยอมรับผิด แต่บาดแผลยังคงอยู่
แม้นายสรรศ์พงศ์จะออกมาขอโทษและยอมรับผิดทุกประการ แต่ผลกระทบจากการกระทำของเขาไม่อาจลบเลือนได้อย่างง่ายดาย บาดแผลที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่รอยฟกช้ำบนใบหน้าของพยาบาล แต่ยังเป็นบาดแผลทางจิตใจที่ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ
สภาการพยาบาลยืนยันว่า จะสนับสนุนการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของวิชาชีพและสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการคุ้มครองบุคลากรสาธารณสุข นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือจากสังคม โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ให้งดการแสดงความคิดเห็นที่อาจบั่นทอนกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์
บทเรียนจากเหตุการณ์
คดี “มือตบพยาบาล” ไม่ใช่แค่เรื่องราวของความรุนแรง แต่มันเป็นกระจกสะท้อนถึงความสำคัญของการเคารพกฎระเบียบและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในสถานพยาบาล ระบบสาธารณสุขไทยจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน
หากเราสามารถนำบทเรียนจากเหตุการณ์นี้มาปรับใช้ เราจะสามารถสร้างระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งและยั่งยืนมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของทุกคนในสังคม